ดูหนังออนไลน์

แนะนำซีรี่ย์เกาหลี Zombie Detective (2020)

” เมื่อซอมบี้ที่เคยเป็นมนุษย์ต้องมาฝึกเป็นมนุษย์อีกครั้งเพื่อตามหาอดีตของตนเอง “

ซีรีส์แนว Human-Comedy ที่จะเล่าเรื่องราวของซอมบี้ที่ได้ผ่านการฟื้นคืนชีพของตัวเองเข้าสู่ปีที่ 2 และเขาพยายามที่จะฝึกฝน เลียนแบบการแสดงออกท่าทาง การพูด การเดินของมนุษย์ แล้วกลายมาเป็นนักสืบเพื่อที่จะหาความจริงเกี่ยวกับอดีตของเขาเอง

ซอมบี้คืนชีพที่เผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัวกับชีวิตใหม่ของเขาที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์
นักเขียนรายการสืบสวนทางโทรทัศน์ ผู้มองโลกในแง่ดี หัวรั้น และยึดมั่นในความยุติธรรม

ซีรีย์เกาหลีน่าดู 2020 เป็นแนวสืบสวน คอมเมดี้ เรื่องราวของพระเอกที่จู่ ๆ ตื่นขึ้นมาบนกองขยะแล้วพบว่าตัวเองกลายเป็นซอมบี้ ทำอย่างไรก็ไม่ตาย จึงได้พยายามฝึกใช้ชีวิตแบบมนุษย์ และได้สวมรอยแทนนักสืบที่เสียชีวิต ส่วนนางเอกเป็นนักเขียนบทรายการทีวีที่ฝันอยากเป็นนักสืบ ได้ลาออกและขอมาทำงานเป็นลูกน้องพระเอกคอยสืบสวนคดี หาสาเหตุการตายและตัวตนของพระเอก แต่ด้วยความเป็นซอมบี้ทที่อยากจะกินเนื้อมนุษย์อยู่ตลอดทำให้มักเกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้น

เรื่องนี้ตลกมาก มีฉากล้อเลียนซีรี่ย์เรื่องอื่น ๆ เยอะ ช่วงแรกจะขายขำมาก แต่อีพีหลัง ๆ เริ่มสนุก เข้มข้นขึ้น มีฉากให้ลุ้น ที่สำคัญคือซอมบี้หล่อมาก ไม่ควรพลาดค่ะแนะนำเลย

รีวิว Private Lives (Netflix) อาชญากรรมโรแมนติกของนักต้มตุ๋น

Private Lives ไพรเวท ไลฟ์ ซีรีส์แนวโรแมนติกอาชญากรรม ผลงานใหม่ของซอฮยอน SNSD (Girls’ Generation) ลง Netflix ว่าด้วยเรื่องของหญิงสาวที่เกิดในครอบครัวนักต้มตุ๋น ที่มุ่งล้างแค้นให้กับพ่อที่ถูกนักตุ้มตุ๋นระดับใหญ่กว่าหลอกลวงให้ก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่จนต้องติดคุกแทน

รีวิวอัพเดทต่อสัปดาห์ไปจนจบ มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญช่วงแรกบางส่วน

เรื่องราวของ “ชาจูอึน” สาววัยรุ่นที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่ทำอาชีพเป็นนักต้มตุ๋นจริงจัง โดยที่เธอก็ไม่ได้หวังเดินตามรอยนี้ แต่พ่อแม่ก็ให้เธอร่วมในการต้มตุ๋นคนด้วยการให้รับบทเหยื่อแสร้งถูกรถชน ก่อนพ่อแม่จะรีดไถจากเจ้าของรถ ซึ่งเธอก็ทำแค่เอาสนุกๆ แต่แล้วพ่อกลับโดนหลอกเข้าร่วมขบวนการตุ๋นครั้งใหญ่ จากฝีมือของ “จองบกกี” เจ้าแม่ต้มตุ๋นชื่อดังของวงการ ซึ่งภายหลังได้เงินครั้งใหญ่ พ่อของเธอถูกตัดตอนให้กลายเป็นแพะรับบาปเพียงคนเดียว ตัวเธอเองจึงวางแผนล้างแค้น โดยมีความช่วยเหลือจากแม่และเพื่อนร่วมงานของแม่ แต่แผนกลับผิดพลาดซ้ำรอยเดิม ไม่สามารถจัดการจองบกกีได้ เธอต้องเข้าคุก ก่อนที่จะออกมาตามหาจองบกกีอีกครั้ง แต่เธอกลับพบหนุ่มพนักงานบริษัทใหญ่เทเลคอม “อีจองฮวาน” (รับบทโดย โกคยองพโย) ที่หาพยายามจีบเธอด้วยมุกเชยๆ แต่กลับทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

รีวิว Private Lives (Netflix) อาชญากรรมโรแมนติกของนักต้มตุ๋น 1

ซีรีส์เกาหลีแนวตัวเอกเป็นอาชญากรนักต้มตุ๋นที่อาจจะแปลกใหม่พอสมควร แต่ถ้ามองจากฝั่งญี่ปุ่นที่ผู้เขียนดูมานี่มีมาหลายเรื่องแล้วเกี่ยวกับวงการต้มตุ๋น อย่าง KUROSAGI, Liar Game, Scam ล่าสุดก็เป็นอนิเมะ Great Pretender ยอดคนลวงโลก ซึ่งเรื่องแนวๆ นี้ญี่ปุ่นถนัดมากๆ เพราะที่ว่ามาสนุกทุกเรื่อง ด้วยทริกกลเม็ดหลอกลวงแบบเหนือชั้น หรือแม้แต่แบบบ้านๆ แต่อาศัยช่องโหว่ของคนที่อ่อนต่อโลก (อย่าง Scam เน้นหลอกคนแก่เอาเงินบำนาญ) แต่พอเป็นเกาหลีทำบ้าง  ก็คาดหวังว่าจะมีอะไรแปลกใหม่ แต่จากที่ดูในตอนนี้ความแปลกใหม่ที่ว่านั้นยังไม่ได้มีอะไรมากนัก ทริกในการโกงยังดูง่ายๆ ไม่ถึงกับทำให้คนดูว้าวได้ มีแค่การใช้ศัพท์เรียกการต้มตุ๋นแบบรู้กันเองว่า “กำลังทำสารคดี” ซึ่งก็คือการเรียกภารกิจต้มตุ๋นแบบอ้อมๆ และก็มีเคสต้มตุ๋นแบบพวกขายตรงยอดมงกุฎ ต้มตุ๋นแบบขอทาน หรือทำของขายสาวกที่หลงเชื่อในศรัทธา

รีวิว Private Lives (Netflix) อาชญากรรมโรแมนติกของนักต้มตุ๋น 2

อันที่จริงเกาหลีเองคงถนัดพวกเนื้อเรื่องดราม่ารักๆ มากกว่า เรื่องนี้ก็ดูจะเป็นส่วนผสมของหนังแนวต้มตุ๋นที่ต้องมีเรื่องหัวใจมาเกี่ยวข้องเยอะ มีฉากโรแมนติกผสมลงไปมากหน่อยตามสไตล์เกาหลี มากกว่าจะเป็นเนื้อหาชิงไหวพริบกันเน้นๆ แบบญี่ปุ่น ซึ่งถ้าใครคาดหวังแบบนั้นก็คงรู้สึกเฟลอยู่พอสมควร แต่ถ้าเอาตามสไตล์เน้นรักของเกาหลี เรื่องนี้ก็โอเคเลยกับการเริ่มเรื่องที่เหมือนแนวการแก้แค้น แต่กลับค่อยๆ แสดงให้เห็นว่าตัวนางเอกเองก็ยังอยากมีชีวิตปกติแบบหญิงสาวทั่วไป ซึ่งก็กลายมาเป็นจุดเริ่มของการพบเจอกับพระเอกที่มาขโมยหัวใจของเธอไปได้ ซึ่งเรื่องเดินหน้าไปเร็วเพียงสองตอนก็เข้าถึงจุดนี้แล้ว และก็มีฉากดราม่า โรแมนติกเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะแยะมากมาย จนทำให้เรื่องดูเหมือนเอื่อยๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คงต้องดูหลังจากนี้อีกทีว่าเรื่องจะเข้ามาส่วนของการต้มตุ๋นเข้มข้นกับธีมการล้างแค้นให้พ่อต่อแค่ไหนครับ

รีวิว Private Lives (Netflix) อาชญากรรมโรแมนติกของนักต้มตุ๋น 3

สำหรับเรื่องนี้ตัวนักแสดงนำของเรื่อง “ซอฮยอน” ต้องรับบทหลากคาแรกเตอร์ เพราะตัวเธอคือนักต้มตุ๋นแสนสวย ซึ่งก็โอเคเลยสำหรับแฟนๆ ที่อยากดูเธอในชุดหลากหลายแบบเยอะมากๆ และในเรื่องยังไล่ช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นจนเป็นผู้หญิงทำงาน เพราะเรื่องราวที่เกริ่นไว้ในย่อหน้านั้นคือการแฟลชแบ็คย้อนกลับมาทั้งหมด ซึ่งตัวเรื่องจริงจะเริ่มเดินหน้าหลังจากตอน 3 เป็นต้นไปครับ

ตัวละครหลักใน Private Lives
4 ตัวละครหลักใน Private Lives

“โกคยองพโย” มารับบทหนุ่มรูปหล่อแบบพนักงานบ้านๆ ที่เข้าหาเธอจนทำให้นางเอกเริ่มคิดเปลี่ยนชีวิตจากต้มตุ๋นมาเป็นคนธรรมดาเพื่อคบเป็นแฟนกันตามปกติ แต่แล้วเขากลับรุกเธอจนทำให้ชีวิตของเธอต้องปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ กับการต้องเลือกระหว่างโกหกไปเรื่อยๆ ไม่สานสัมพันธ์ลึกมากไปกว่านี้ หรือว่ายอมเปลี่ยนตัวเองทิ้งชีวิตเดิมๆ มาเป็นหญิงสาวที่มีความรักแต่งงานไปตามปกติ ซึ่งตัวพระเอกเองเล่นได้ดูซื่อๆ บ้านๆ มีเสน่ห์โอเคเลย (เล่นเหมือนคนไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิต)

นอกจากนี้ยังมีตัวเอกฝ่ายร้ายอีกสองคนคือ “จองบกกี” ที่แสดงโดย คิมฮโยจิน กับบทเจ้าแม่ต้มตุ๋นที่อยู่คนละระดับนางเอก ที่เล่นได้เจ้าเล่ห์ร้ายสวยๆ แต่บทยังไม่ได้ออกมาเยอะมาก กับสามี “คิมเจวุก” ที่รับบทโดย คิมยองมิน ที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดีจากบท เจฮยอก สามีที่ขยันนอกใจภรรยาเพื่อนบ้านของนางเอกในเรื่อง A World of Married Couple  ที่เห็นหน้าก็รู้ว่ารูปหล่อแต่ขี้โกงมาตั้งแต่เรื่องก่อนนั้นแล้ว แต่บทในเรื่องนี้จะโหดร้ายรุนแรงกว่านั้นเยอะ

รีวิวซีรี่ย์เกาหลี

รีวิว Private Lives (Netflix) อาชญากรรมโรแมนติกของนักต้มตุ๋น

รีวิวซีรีส์ Do Do Sol Sol La La Sol รักตลกเบาสมองหวานแหววใสกิ๊ง ชวนให้หลงรักแบบไม่รู้ตัว!

Do Do Sol Sol La La Sol โน้ตรักทำนองหวาน ซีรีส์เกาหลี Netflix แนวรักตลกเบาสมองแบบหวานหวานใสๆ ของนางเอกผู้ไม่เป็นอะไรเลยนอกจากเล่นเปียโน กับพระเอกสุดซึนที่แอบยอมช่วยนางเอกทุกอย่าง หลังเห็นเธอตกตระกรำลำบากแบบไม่คาดคิดในวันแต่งงาน ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปหมดสิ้น

รีวิวอัพเดทต่อสัปดาห์ไปจนจบ

สาวน้อยใสๆ นาม “รารา” ที่เกิดในตระกูลเศรษฐี เติบโตขึ้นมาโดยการเลี้ยงดูของพ่อที่เลือกให้เธอเรียนเปียโน โดยหวังให้เป็นนักเปียโนระดับโลก แต่เธอกลับเรียนไปงั้นๆ แค่ให้จบการศึกษาเล่นดนตรีให้พ่อฟัง เมื่อเธอทำได้สำเร็จก็เลิกเล่นพร้อมแต่งงานกับคนที่พ่อวางตัวไว้ให้ แต่แล้วเรื่องแย่ๆ กับถาโถมเข้ามาหาเธอในวันแต่งงาน ก่อนที่เธอจะพบกับ “ซอนอูจุน” หนุ่มกรรมกรแบกหามที่บังเอิญต้องมาส่งดอกไม้เจ้าสาวให้เธอ แล้วก็พบเห็นเรื่องเศร้าที่เกิดกับเธอจนรู้สึกฝังใจอยากช่วยเธอคนนี้ให้ได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นการร่วมทางร่วมชีวิตของทั้งคู่ในแบบที่คนรักก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่เชิง เพื่อนก็อาจจะได้ แต่ทำไมเหมือนมีอะไรแปลกๆ มากกว่าที่เห็น

รีวิวซีรีส์ Do Do Sol Sol La La Sol รักตลกเบาสมองหวานแหววใสกิ๊ง ชวนให้หลงรักแบบไม่รู้ตัว! 1

ซีรีส์ที่เน้นเรื่องหวานแหววพร้อมทั้งขายเสียงหัวเราะคิกคักกับความกุ๊กกิ๊กของพระเอกนางเอกไปพร้อมๆ กัน ต้องบอกเลยว่าคนที่จะดูเรื่องนี้สนุกต้องถอดสมองออกจากหัวให้โล่งๆ ไปก่อนเลย เพราะเรื่องนี้นำเสนอความใสน่ารักๆ ของตัวเอกทั้งคู่ โดยไม่ต้องการความสมเหตุผลของตังละครหรือเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย เอาว่าถ้าดูแบบคิดมากหรือคิดตามเรื่องเหตุผลในเรื่องเรื่อยๆ นี่มีหงุดหงิดแน่นอน เอาแค่เริ่มมาตัวนางเอกก็เกิดมาพร้อมคาแรกเตอร์ผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง เพราะมีพ่อรวยคอยป้อนเลี้ยงดูมาตลอด พ่อสนใจแค่ให้นางเอกเล่นเปียโนให้ได้เท่านั้น ก็เลยเล่นเปียโนมาตลอด 20 ปี (แต่ก็ไม่ได้เก่ง) แล้วตัวนางเอกเองก็ใสซื่ออ่อนต่อโลก อีกทั้งยังมีฉากแสดงให้เห็นแบบชัดๆ เลยว่าเธอฉลาดน้อยมากๆ จนถึงขั้นโง่เลยก็ได้กับการบวกเลขไม่ถูก แล้วก็อ้างเหตุผลว่านักดนตรีดังๆ ของโลกก็มีปัญหากับการเรียนเรื่องอื่นเหมือนกัน แถมพอตกอับบ้านมีปัญหาต้องเอาตัวรอดคนเดียวก็เหมือนไม่ใส่ใจจะหาทางรอดชีวิตให้ได้เลย ยังทำตัวใสๆ ไปวันๆ กับปั้น IG ดันน้องหมาตัวเองเล่นอยู่อีก ดังนั้นถ้าดูแบบคิดมากตัวคาแรกเตอร์ของนางเอกในเรื่องนี้จะน่ารำคาญมากถึงมากที่สุด ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยอารมณ์ง้องแง้งอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องบอกว่าด้วยเสน่ห์ของตัวนักแสดง Go Ara  เองที่ทั้งหน้าตาและลุคเข้ากับบทนี้มาก ทำให้ความน่ารำคาญที่รู้สึกในตอนแรกนี่มลายหายไปสิ้นในเวลาต่อมาแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เลย (คนเขียนแอบงงๆ ด้วยซ้ำว่าทำไมสนุกไปกับตัวคาแรกเตอร์งี่เง่าแบบนี้ได้)

รีวิวซีรีส์ Do Do Sol Sol La La Sol รักตลกเบาสมองหวานแหววใสกิ๊ง ชวนให้หลงรักแบบไม่รู้ตัว! 2

และด้วยเหตุผลอีกประการคือ “อีแจอุค” (LEE JAE WOOK) พระเอกน้องใหม่เรื่องแรก หลังจากที่พึ่งเล่นซีรีส์มาแค่ 4 เรื่องเป็นตัวประกอบเรื่องหรือบทพระรองทั้งหมด Memories of the Alhambra , Search: WWW, Extraordinary You, When the Weather Is Fine ซึ่งถ้าคนจดจำได้ดีสุดคือบท แบคคยอง ใน Extraordinary You ที่เป็นพระเอกตัวร้ายสุดๆ เอาว่าร้ายจนเด่นเหมือนเป็นพระเอกอีกคนเลยก็ว่าได้ มาคราวนี้ได้เป็นพระเอกเต็มตัวแบบไม่ต้องมาแย่งซีนใครอีกแล้ว (จริงๆ อีแจอุคนี่เด่นจนแย่งซีนมาแทบทุกเรื่อง) ซึ่งคาแรกเตอร์ของเขาก็สอดรับแนวทางเดียวกับนางเอก คือหนุ่มที่ปิ๊งรักแรกพบนางเอก แถมห่วงหาอาทรพยายามช่วยนางเอกที่ตกอับอยู่ตลอดเวลา จนแทบจะเป็นคนรักหวานแหววในเวลาแค่สองตอนแรกเริ่มของเรื่องเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นซีรีส์เกาหลีทั่วไปบทแบบนี้ต้องพยายามขายสโลวไลฟ์โรแมนติก แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น บทของอีแจอุคคือพระเอกที่แอบซึนรักนะแต่ไม่บอก หาเรื่องแกล้งตกกระไดพลอยโจนยอมให้นางเอกหลอกแบบใสๆ ขำๆ ไปเรื่อย เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องมาบอกว่าเป็นอะไรกัน คือแค่เรื่องออกมาสองตอนคนดูก็รู้เลยสองคนนี้สปาร์คกันสุดๆ แต่แค่ไม่ต้องมาหวานเลี่ยนอะไรออกนอกหน้า ซึ่งด้วยลุคหน้าตาแบดๆ ของพระเอกด้วย ถ้าใครเคยดู Extraordinary You ถึงช่วงที่เขาหวานๆ ในเรื่องนี้ก็คล้ายกันแต่หวานใสๆ กว่ามากมาย ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจกับความรักใสๆ ที่เขามีให้นางเอกง่ายๆ แบบไม่ต้องการเหตุผลอะไรมาก นอกจากแค่ถูกชะตารักแรกพบแล้วดันเจอนางเอกน่าสงสารสุดขีดพอดีเข้าเท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าถ้าใครดูแล้วถูกชะตาทั้งกับพระเอกนางเอกคือจบเลย รับรองว่ามีหลงหนักกับเรื่องนี้แน่นอน แต่ต้องบอกเพิ่มว่าแบ็คกราวด์ชีวิตพระเอกในเรื่องค่อนข้างน้ำเน่ามากแบบละครไทยเลย เป็นลูกเศรษฐีหนีมาใช้ชีวิตคนเดียว ซึ่งตรงนี้รู้สึกว่าเล่นพล็อตน้ำเน่าง่ายไปหน่อย ทั้งๆ ที่เปิดเรื่องมาเป็นกรรมกรแบกหามกลับดูน่าติดตามมากกว่า

รีวิวซีรีส์ Do Do Sol Sol La La Sol รักตลกเบาสมองหวานแหววใสกิ๊ง ชวนให้หลงรักแบบไม่รู้ตัว! 3

แต่ถ้าใครคาดหวังซีรีส์แนวดนตรีที่ควรจะมีเรื่องดนตรีเยอะๆ หน่อยในตอนนี้ (ปัจจุบันถึงตอน 2) เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดนตรียังแทบไม่มีมาเกี่ยวข้องมากเลย คือเรียกว่าเดาเรื่องไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปทางไหน เพราะนางเอกก็ไม่ได้เก่งเปียโน แถมถึงขั้นมีปัญหาในการเล่นเพลง ใจก็ไม่ได้รักเปียโนแต่แรก แค่เล่นเพราะพ่ออยากให้เล่น อยากให้ดังระดับโลก ซึ่งถ้าเทียบกับแนวดนตรีด้วยกันทั้งหมด แทบจะไม่มีเรื่องไหนปูมาคาแรกเตอร์ตัวเอกมาแบบนี้เลย ส่วนตัวแอบคิดเทียบกับเรื่องที่มาแนวคล้ายกันในอดีตอย่าง Nodame Kantaabire  นางเอกโนดาเมะก็มีพรสวรรค์ แต่เพี้ยนๆ น่ารักแบบเดียวกัน แต่เรื่องนี้กลับค่อนข้างตรงกันข้ามทั้งหมด แถมยังเป็นคนไม่เอาไหนสุดขีดให้เห็นชัดๆ อีกด้วย ตรงนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเรื่องจะลากเรื่องดนตรีมาเกี่ยวข้องได้ยังไง นอกจากที่แพลมๆ ไว้แค่ว่ามีแฟนแอบติดตามลับๆ ในชื่อไอดี IG Do Do Sol Sol La La Sol อันเป็นโน๊ตเพลง โด โด ซอล ซอล ลา ซอล นั่นเอง

เผื่อใครไม่รู้จักซีรีส์แนวดนตรีญี่ปุ่นชื่อดังอย่าโนดาเมะก็ลองดูจากตัวอย่างด้านล่างได้ครับ

ตัวเรื่องยังมีตัวละครอื่นๆ ที่แอบมาเกี่ยวข้องกับทั้งสองคนนี้อย่างหมอชาอุน ที่เล่นโดย คิมจูฮยอน ล่าสุดก็จากบทเจ้าของสำนักพิมพืใน It’s Okay To Not Be Okay (เป็นตัวละครหลักของเรื่องด้วย) ที่ได้ยินนางเอกเล่นเปียโนเพียงครั้งเดียว แม้ไม่ชอบที่เธอเล่น แต่ก็ประทับใจกับการแสดงออกเพื่อพ่อ ซึ่งเรื่องนี้จะไปเฉลยในหลังเอนด์เครดิตทุกตอน ให้กดข้ามไปดูกันได้เลยครับ ไม่งั้นอาจจะมีงงๆ ว่าเขามาเกี่ยวข้องได้ยังไง และตรงนี้ยังมีใบ้ถึงตัวละครอื่นๆ ที่ยังไม่ปรากฎตัวต่อไปด้วยครับ

รีวิวซีรีส์ Do Do Sol Sol La La Sol รักตลกเบาสมองหวานแหววใสกิ๊ง ชวนให้หลงรักแบบไม่รู้ตัว! 4

รีวิว A World Of Married Couple ละครผัวเมียตีกันเกาหลี ที่ลงลึกครบทุกมิติกว่าละครไทย (อัพเดทลง Netflix)

A World of Married Couple (Viu Netflix) รีวิวพร้อมเปรียบเทียบเนื้อหาบางส่วนจากต้นฉบับ Doctor Foster และกับละครไทย พร้อมเหตุผลที่ซีรีส์เรื่องนี้มีความแตกต่างจากละครไทยในแนวผัวเมียตีกัน จนตอนนี้กลายเป็นสถิติแชมป์เรตติ้งสูงสุดตลอดกาลของเคเบิลทีวีไปแล้ว อัพเดทลง Netflix แล้ว

บทความมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน แต่ไม่ใช่จุดหักมุมของเรื่อง

ซีรีส์ที่เรตติ้งแรงสุดและสูงที่สุดในตอนนี้ เมื่อเกาหลีซื้อ Doctor Foster ซีรีส์จากช่อง BBC One ของอังกฤษมารีเมค แปลงบริบททางสังคมต่างๆ ให้เข้ากับเกาหลี มีความเป็นเอเชียมากขึ้น ซึ่งตัวเรื่องเล่าสั้นๆ ก็คือ ชีวิตครอบครัวสมบูรณ์แบบของหมอหญิง “จีซอนอู” (รับบทโดย Kim Hee-Ae) กับผู้กำกับหนุ่ม “อีแทโอ” (รับบทโดย Park Hae-Joon) ต้องพังทลายลงเมื่อเธอได้รับรู้ว่าสามีแสนดีของเธอมีผู้หญิงคนอื่น “ดาคยอง” (รับบทโดย Han So-Hee) หญิงสาวสวยลูกคนเดียวของเจ้าของกิจการใหญ่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เธอก็เลยต้องพยายามตัดเขาออกจากชีวิตและต้องรักษาลูกไว้ให้ได้ แต่เรื่องมันไม่ง่ายเมื่อสามีของเธอก็ร้ายกาจกว่าที่คิด และพร้อมเปิดศึกแย่งลูกชายคนเดียว  “อีจุนยอง” (รับบทโดย Jeon Jin-Seo) ซึ่งก็มีปมในใจเรื่องพ่อแม่มีปัญหา จนกลายปมทางจิตที่รอวันระบิดอยู่เช่นกัน

Doctor Foster vs. A World of Married Couple

พูดกันตรงๆ พล็อตของเรื่องนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากละครไทยเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีกว่าคือการใส่เหตุของการกระทำและผลลัพธ์ของการกระทำที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า ตรงนี้อาจจะต้องทำความเข้าใจลอจิควิธีคิดของขนบธรรมเนียมละครไทยมาก่อนด้วยว่า ละครไทยเน้นโอเว่อร์ทั้งแอ็กติ้งและบทหลายอย่างที่ดูเกินจริง อย่าง แรงเงาที่ฝาแฝดสวมรอยแก้แค้นแทนกัน หรือการทรมานทรกรรมนางเอก ก่อนจบด้วยยังไงก็รักกัน ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะเป็นสูตรสำเร็จของไทยที่คนดูส่วนใหญ่ทางทีวีก็ชื่นชอบแบบนี้อยู่แล้ว (วัดจากเรตติ้งก็จะเห็นชัด) แต่สำหรับกลุ่มดู Gen ใหม่ๆ ก็อาจจะยี้เมื่อต้องมาดูละครไทยอะไรแบบนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วเรื่องแบบครอบครัวผัวเมียเป็นอะไรที่ใกล้ตัวคนดูแทบทุกเพศทุกวัยได้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่มีอยู่แล้ว แค่ละครหรือซีรีส์นำมาแต่งใหม่ให้แซ่บขึ้นไปอีก ซึ่งในกรณีของ A World of Married Couple นี้ก็คือเกาหลีหยิบยกเรื่องแนวเดียวกับที่ละครไทยชอบทำ แต่มาเป็นในแบบที่ลอจิควิธีคิดละเอียดขึ้น แล้วก็ใส่ความร้ายลึกลงไปในทุกมิติของตัวละครทุกตัว (ย้ำว่าทุกตัว) พร้อมทั้งขยายโลกของชีวิตแต่งงานในด้านที่ไม่สวยหรูออกมาให้คนดูได้เห็นกันแบบเป็นเหตุผลมากกว่าที่ละครไทยติดโอเว่อร์นิยมทำกัน

รีวิว A World of Married Couple ละครผัวเมียตีกันเกาหลี ที่ลงลึกครบทุกมิติกว่าละครไทย (อัพเดทลง Netflix) 1

วิธีคิดและการกระทำที่ไม่ปกติของสองตัวเอก A World of Married Couple

จุดเด่นของเรื่องนี้ที่สุดก็คงเป็นวิธีคิดและการกระทำของตัวเอกทั้ง 2 คน จีซอนอูกับอีแทโอ ที่ต้องเรียกว่า “หญิงก็ร้าย ชายก็เลว” แม้คนดูอาจจะเอาใจช่วยจีซอนอูในฐานะนางเอกที่ถูกกระทำก่อน แต่การโต้กลับและแผนการหลายๆ อย่างของเธอก็เกินคนปกติทำเหมือนกัน ขนาดที่เชื่อว่าผู้ชายที่มีครอบครัวดูเองก็อาจจะเสียวๆ ว่าถ้านอกใจแฟนก็อาจจะเจอแบบนี้ได้ ซึ่งในกรณีของเธอตัวเรื่องมีปูเหตุผลไว้ลึกๆ เกี่ยวกับปมทางจิตใจที่เธอเองก็เคยประสบเหตุการณ์บางอย่างเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวของพ่อแม่มาเหมือนกัน นั่นทำให้เธอกลายเป็นเหมือนคนสติหลุดอยู่บ่อยๆ ที่แม้แต่ลูกก็ยังกลัวที่แม่กลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ รวมถึงการถูกหักหลังจากคนรอบข้างก็มีส่วนทำให้ตัวละครนี้ลึกๆ กลายเป็นคนจิตใจไม่ปกติไปในที่สุด

ในเมื่อนางเอกกลายเป็นกึ่งๆ ตัวร้ายไปในตัว อีแทโอผู้เป็นสามีก็เลยร้ายไม่แพ้กัน จากความเลวเรื่องนอกใจภรรยาแสนดี ก่อนจะกลายมาเป็นความอาฆาตพยาบาทเมื่อชีวิตที่เขาต้องพึ่งภรรยามาตลอดต้องพังทลายลง เว้ากันซื่อๆ คือเขาเป็นพวก “เกาะผู้หญิงกิน” และก็ย้ายไปเกาะคนใหม่ที่ทั้งสาว สวย รวย ครอบครัวมีอิทธิอย่างสูงกับเมืองเล็กๆ แห่งนี้ แต่แค่นั้นไม่พอบทสร้างให้แทโอเลวร้ายลึกแบบจอมวางแผน แม้เขาอาจจะไปได้ดีกับคนใหม่ แต่กับคนเก่าที่เคยทำอะไรเขาไว้ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องช่วยเมียเก่าเขาไว้ก็ต้องเจอการล้างแค้นทั้งหมดเช่นกัน ทำให้ปัญหาของครอบครัวนี้ใหญ่โตลุกลามขึ้นเรื่อยในเมืองเล็กๆ ที่ใครๆ ก็รู้จักเจอหน้ากันทุกวัน ซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดุเด็ดเผ็ดมันส์ด้วยการแก้แค้นไปมาไม่จบสิ้นของสองตัวละคร ที่กลายเป็นทิ้งบอมบ์ความปั่นป่วนให้กับทั้งเมืองได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังอยู้ในกรอบของความเป็นไปได้ มีเหตุผลรองรับเป็นปมลึกๆ ทางจิตใจตัวละครที่มีปัญหาหย่าร้างกัน

รีวิว A World of Married Couple ละครผัวเมียตีกันเกาหลี ที่ลงลึกครบทุกมิติกว่าละครไทย (อัพเดทลง Netflix) 2

ลงลึกถึงรายละเอียดปมปัญหาในจิตใจของโลกการแต่งงานและคู่รัก

ปมทางจิตของเรื่องนี้เองที่เป็นส่วนเสริมที่เรียกว่าดีงามกว่าละครไทยตรงที่ ตัวเรื่องเผยให้เห็นมุมจากด้านมืดที่ส่งผลทำให้ตัดสินใจแก้ปัญหาผิดซ้ำๆ ของตัวละครทุกตัว อย่างนางเอกถ้าไม่หลุดร้ายกลับไปแรงเกินกว่าแค่หย่าร้างในตอนแรก เรื่องก็คงไม่เลยเถิดมาขนาดนี้ แต่ด้วยความรู้สึกในแบบมนุษย์ผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่กลับถูกนอกใจมันก็เจ็บแค้นยากเกินกว่าจะทนได้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่าถ้าเกิดกับตัวเองก็คงยากที่จะคุมไว้เหมือนกัน หรืออย่างมุมของอีแทโอที่มองแบบเป็นความรัก อยากครอบครองไว้ทั้งสองคน กับประโยคเด็ด “การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด” ซึ่งการสร้างโลกสองใบโดยให้ตัวเองมีความสุขคนละแบบ ผู้หญิงอาจจะรู้สึกว่าทนไม่ได้ แต่ในมุมของคนนอกใจกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดจริงๆ ในความรู้สึกของเขา แต่แค่มันผิดต่อสังคมที่กรอบคู่รักไว้ด้วยการแต่งงาน ซึ่งซีรีส์ไม่ได้มีมุมแค่ของสองตัวละครหลักนี้ แต่ยังใส่ตัวละครเสริมในเรื่องที่เป็นคนรอบข้างในสังคมที่เกี่ยวข้องกับทั้งคู่ไว้ด้วย ในประเด็นปัญหาคู่รักครอบครัว แต่มีส่วนปลีกย่อยแตกต่างกัน รวมถึงผลลัพธ์คนละแบบแตกต่างจากคู่หลักของเรื่อง ในกรณีของคู่อื่นก็เป็นแบบเมียรู้แต่ยอมให้ผัวมีบ้านน้อย ก็เพื่อรักษาสถานะครอบครัวไว้ หรือไม่ก็ทำเป็นไม่สนใจคิดซะว่าผู้ชายก็แค่ขับถ่ายของเสียอออกมาตามสัญชาตญาณสืบพันธ์เท่านั้น หรือแม้แต่คู่ของวัยรุ่นที่ฝ่ายหญิงถูกทุบตีทารุณ แต่ก็ยังรักและไม่เอาผิดฝ่ายชายเพราะเชื่อว่าจะเปลี่ยนสันดานได้

ซึ่งตัวเรื่องนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างครบมากกับปัญหาชีวิตคู่ในด้านที่ไม่สวยงามเลยสักคน และก็สะท้อนปมที่มาปัญหากับแสดงผลลัพธ์เมื่อเวลาผ่านไป ที่แรกๆ อาจจะดูเหมือนแค่พยายามประคับประคองให้ดีก็ผ่านไปได้ แต่อะไรที่มันผิดพลาดไม่ใช่สักวันมันก็หวนกลับมาทำร้ายชีวิตคู่ได้ทั้งนั้น และไม่ใช่แค่ให้เห็นเรื่องราวแค่ฝั่งผู้หญิง แต่ฝั่งผู้ชายก็ได้เห็นเช่นเดียวกันทุกอย่าง เป็นซีรีส์ที่เปิดโลกให้เห็นปมปัญหาและผลลัพธ์ของการสร้างโลกสองใบขึ้นมาค่อนข้างครบทุกฝ่าย แม้จะเกิดจากผู้ชายก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงอย่าง “ดาคยอง” ที่ทั้งสาวสวยแต่กลับเห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มีจริงๆ ใครมีครอบครัวดูแล้วคงได้ฉุกคิดกันทั้งชายและหญิงแน่นอนครับ (ถ้าไม่เข้าข้างตามใจตัวเองที่ดูนะ)

เมียน้อยผู้อ่อนโลกและซื่อตรงกับความรู้สึก

“ดาคยอง” เป็นตัวละครในบทมือที่สามที่ค่อนข้างแตกต่างไปจากนางร้ายละครไทยมาก แม้ว่าเธอจะมีความร้ายลึกๆ จากการเห็นผิดเป็นชอบในเรื่องนี้ แต่ถ้ามองกันจริงๆ การกระทำต่างๆ ของตัวเธอเองกลับไม่ได้ร้ายเทียบเท่ากับตัวนางเอกจีซอนอูเลย เธอเป็นคนที่แสดงออกตรงๆ มีความรักในตัวแทโออย่างมาก การต่อสู้ของเธอเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักกับจีซอนอูก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังหวั่นไหวอยู่ตลอดเวลาว่าเขาอาจจะหลอกใช้เธอ แต่ก็ยังเชื่อว่าเขารักเธอมากเช่นกัน ซึ่งด้วยวัย 20 นิดๆ กับฐานะทางบ้านที่มีอิทธิพลและพร้อมช่วยลูกตลอดเวลา ทำให้ตัวละครนี้ดูมีปมจากการโดนสปอยล์เอาใจมาแต่เด็ก จนไปสู่การเห็นผิดเป็นชอบในที่สุด ซึ่งเรื่องก็นำเสนอให้เห็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างเรียลสมจริง ที่แม้จะเหมือนทำชั่วได้ดี แต่ก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่คาดหวังไว้ และบทสรุปสุดท้ายของชีวิตครอบครัวที่แย่งคนอื่นมาก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอตั้งใจไว้เลย

ดาคยอง Viu
ดาคยอง

ปัญหาหลังหย่าแล้วตัดเยื่อใยไม่ขาด

ช่วงครึ่งหลังของซีรีส์นำเสนอปัญหาของการตัดไม่ขาด แม้จะหย่าร้างไปแล้ว แต่อะไรๆ หลายอย่างก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในคู่ตัวเอกอาจจะมาในรูปของการแก้แค้นกัน แต่ในคู่รองจะมาในรูปแบบของการพยายามกลับมาเริ่มต้นใหม่ ขอโอกาสใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่มักเกิดขึ้นของคนที่เมื่อเสียไปจริงๆ ถึงเริ่มคิดได้ แต่แก้วที่ร้าวแล้วก็ไม่สามารถกลับมาต่อติดเหมือนเดิมได้ ตัวเรื่องใส่รายละเอียดชีวิตหลังการหย่าร้างไว้ แล้วกลับยังตัดไม่ขาดได้อย่างละเมียดละไม ซึ่งเมื่อรับชมไปเชื่อว่ามุมมองคนดูเองก็คงรู้สึกกลับมาเห็นใจตัวละครที่กระทำความผิดแล้วสำนึกได้เมื่อสายไปแล้วไม่น้อยเช่นกัน

ถ่านไฟเก่าคุ (สปอยล์บางส่วน EP13-14)

ช่วงก่อนโค้งสุดท้ายของซีรีส์จะพาคนดูไปหาเรื่องราวของถ่านไฟเก่าที่กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ทั้งในแง่ของการทำดีหมดใจเพื่อขอโอกาสอีกครั้งของคู่รอง เยริม กับ เจฮยอก สามีที่นอกใจและได้รับบทเรียนจากการตัดสินใจหย่าขาด จนกลายเป็นคนละคนหลังจากนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีที่ไปอีกแล้วเมื่อแก่ตัวขึ้น เรื่องใช้คู่นี้มาเปรียบเทียบกับคู่เอกของเรื่องจีซอนอูกับแทโอที่กลับด้านไปในทางร้าย เมื่อถ่านไฟเก่าคุจนกลายเป็นย้อนศรกลับไปทำร้ายลูกอย่างไม่ตั้งใจ และก็ลามไปถึงชีวิตคู่ใหม่ของแทโอกับดาคยอง ที่ดูเหมือนวงจรการมีชู้นอกใจหวนกลับคืนสนองเธออีกครั้ง แม้จะแย่งแทโอมาได้แล้วในตอนแรก

การให้อภัยก็กลายเป็นบาดแผลทำร้ายจิตใจได้เช่นกัน (สปอยล์บางส่วน EP15-16 ตอนจบ)

เนื้อเรื่องช่วงโค้งสุดท้ายหนักหน่วงมากจากการที่แต่ละคู่คนที่ทำผิดไปก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับการให้อภัยและกลับมา เชื่อว่าตัวคนดูเองก็คงรู้สึกเห็นใจตัวละครที่ทำผิดในเรื่องนี้ไม่น้อย แต่อีกด้านก็รู้สึกว่าพวกเขาสมควรได้รับสิ่งนี้แล้ว ตัวเรื่องจึงเลือกเดินไปทั้ง 2 แบบคือ ปลดล็อคให้เห็นเส้นทางของการให้อภัยดูก่อน จากนั้นก็นำเสนอชีวิตหลังจากนั้นที่ตอนแรกดูเหมือนจะสงบสุข และชีวิตคู่ที่ผิดพลาดไปได้รับการแก้ไข แต่เรื่องก็ไม่ได้ให้เห็นแต่ด้านที่สวยหวาน ในเมื่อความเป็นจริงของชีวิตคือ “บาดแผลในใจที่ยังคงอยู่เสมอ” และก็กลายเป็นความรู้สึก ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้นตัวเองที่ไม่อาจจะกลับมามีชีวิตคอบครัวที่สวยงามได้เหมือนเดิมได้จริง และบาดแผลจากการให้อภัยนี้เองก็กลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นรอบตัวอย่างมากอีกด้วย และก็เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งของชีวิตคู่รอบสองหลังให้อภัยที่เรียลตามแบบที่เป็นจริงได้ดีมาก

สปอยล์

ตัวละครทุกตัวเทาๆ มีแผนซ่อนในใจ

แม้ว่าเรื่องราวจะมีเหตุผลรองรับการกระทำที่ดูแล้วสมเหตุผลมากพอให้เชื่อ แต่ว่าตัวซีรีส์ก็เหมือนจงใจเขียนบทให้เกินจริงไปเหมือนกัน จากการที่ทุกคนในเรื่องมีปมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกับตัวนางเอกไปซะทุกคน จนบางทีดูเหมือนนางเอกโดนรุมกินโต๊ะจากคนทั้งเมือง แต่มาอีกสักพักตัวละครเดิมกลับเปลี่ยนใหม่มาดีด้วย ซึ่งถ้ามองว่าเป็นการเขียนบทแบบเทาๆ ให้กับทุกตัวละครก็ฟังขึ้นได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าคนอะไรมันจะพลิกไปพลิกมากันได้ขนาดนี้ครับ แต่ก็เป็นจุดเด่นของเรื่องไปด้วยที่ทำให้แม้พล็อตจะง่ายๆ แต่กลับคาดเดาเหตุการณ์ในเรื่องได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะแต่ละคนเหมือนมีแผนในใจกันทั้งหมด แถมยังส่งผลกระทบต่อตัวนางเอกของเรื่องทุกคนด้วย ไม่ใช่แค่เป็นบทเสริมเรื่องรองอะไรแบบนั้น และจุดนี้เองก็เป็นจุดที่แตกต่างจากต้นฉบับ Doctor Foster ด้วยที่เน้นแค่คู่ตัวเอกหลัก แต่เรื่องนี้เน้นผลกระทบจากตัวละครอื่นๆ มาสู่เส้นเรื่องหลักอีกด้วย (จุดที่เริ่มแตกต่างกันมากหลังตอน 8 เป็นต้นไป) 

ผู้หญิงโสดกับความเหลื่อมล้ำทางเพศ

ไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนมีคู่แต่งงานแล้วเท่านั้น ในเรื่องยังมีประเด็นของการเป็นโสดมาเกี่ยวข้องกับหลายๆ อย่างด้วย ซึ่งถ้าผู้ชายโสดสังคมกลับยอมรับได้เป็นปกติ มีโอกาสก้าวหน้าทางการงานได้ แต่กลับกันพอเป็นเพศหญิงทั้งโสด กลายเป็นถูกประเมิณจากสังคมการทำงานว่าไม่มีความพร้อม ขาดประสบการณ์ครอบครัว ถูกปิดโอกาสก้าวหน้าทางการทำงานไปโดยปริยาย ตรงนี้อาจจะเป็นที่สังคมเกาหลีมีความเชื่อว่าผู้หญิงต้องมีครอบครัวถึงจะสมบูรณ์แบบ ถูกนับหน้าถือตาได้มากกว่าการเป็นโสด แม้จะทำงานเก่งแค่ไหนก็ไม่อาจจะถูกยอมรับได้เท่ากับผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกมีสามีจะได้รับการยอมรับมากกว่า

ปมเด็กบ้านแตก

ไม่ใช่เรื่องราวชีวิตคู่สามีภรรยา แต่เรื่องนี้ไล่ลึกลงไปถึงปัญหาเด็กบ้านแตกจากการปัญหาพ่อแม่ ทั้งในส่วนของจีซออูที่มีอดีตพ่อแม่แบบเดียวกัน แม้จะโตมาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็มีบาดแผลฝังอยู่ในใจไม่เคยเปลี่ยน ส่วนตัวลูกชายของเธอเองก็ค่อยๆ มีปมทางจิตใจเปลี่ยนเป็นคนก้าวร้าวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมรับทั้งพ่อและแม่ เพราะเมื่อมีปัญหาบ้านแตกแยกทางเมื่อไหร่ ลูกก็กลายเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายมักยื้อแย่งไว้กับตัว เหมือนเป็นเครื่องแสดงออกว่าใครได้ลูกไปคนนั้นคือคนชนะ โดยที่ตัวเด็กเองไม่ได้อยากอยู่ในเกมนั้นด้วยเลย ซึ่งตัว Jeon Jin-Seo ที่แสดงเป็นจุนยอง รับบทเด็กมีปมบ้านแตกออกแนวโรคจิตเก็บกดและน่าสงสารได้อย่างยอดเยี่ยมมาก แม้บทอาจจะดูว่ากระทำทำร้ายแม่บ่อยๆ จนดูร้ายกาจเกินจริงไปเหมือนกัน

รีวิวซีรี่ย์เกาหลี

รีวิว A World Of Married Couple ละครผัวเมียตีกันเกาหลี ที่ลงลึกครบทุกมิติกว่าละครไทย (อัพเดทลง Netflix)

รีวิวซีรีส์ Rugal ตำรวจกล คนเหนือมนุษย์ แอ็กชั่นไซไฟสไตล์มนุษย์ดัดแปลงเกาหลี (อัพเดทจบ 16 ตอน)

Rugal ตำรวจกล คนเหนือมนุษย์ ซีรีส์เกาหลี Netflix แนวแอ็กชั่นไซไฟล้ำๆ เรื่องของทีมตำรวจมนุษย์ดัดแปลงใส่อวัยวะจักรกลสุดล้ำเข้าไปในตัวจนมีพลังเหนือมนุษย์ เพื่อตามล่าล้างบางองค์กรอาชกรรมใหญ่ระดับประเทศ

ซีรีส์เกาหลีแนวแอ็กชั่นไซไฟที่ไม่ค่อยมีมาบ่อยนัก เรื่องราวของ “คังคีบอม” (Choi Jin-hyuk จาก Tunnel )คือตํารวจสายสืบชั้นยอดที่ถูกป้ายสีว่าฆาตรกรรมภรรยาของตน อีกทั้งยังโดนควักดวงตาไป โดยทั้งหมดเป็นฝีมือขององค์กรก่อการร้ายขนาดใหญ่ “อาร์โกส” ที่กุมอำนาจเส้นสายเครืออิทธิพลในเกาหลีไว้แทบทั้งหมด ในขณะที่เขาคิดว่าตัวเองสูญเสียทุกอย่างและต้องติดคุก เขากลับได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลลึกลับให้ออกจากคุกได้ พร้อมกับผ่าตัดมอบดวงตาจักรกลอัจฉริยะสุดล้ำให้ โดยแลกเปลี่ยนกับการมาร่วมทีมหน่วยงานลับ “รูกัล” ที่นำโดยอธิบดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรวบรวมตำรวจและคนที่สูญเสียอวัยวะในร่างกายมาผ่าตัดดัดแปลงใส่จักรกลเข้าไป โดยมีเป้าหมายโค่นล้มอาร์โกสให้ได้

Rugal vs Argos
Rugal vs Argos

ตัวเรื่องแม้จะมีความล้ำมาก เรียกว่าเกินอนาคตกันใกล้นี้เลยด้วยซ้ำกับอวัยวะเทียมเหนือมนุษย์ที่ทีมพระเอกผ่าตัดเปลี่ยนไว้ในร่างกายทุกคน แต่ว่าโลกของเรื่องนี้กลับอยู่ในยุคปัจจุบัน ยังใช้มือถือซัมซุงกาแลกซี่กันปกติอยู่เลย อาจจะเพราะว่าเรื่องนี้ทำมาจากการ์ตูนในเว็บตูนด้วย ทำให้ตัวเรื่องออกแนวเหมือนการ์ตูนมาก แล้วก็เหมือนซีรีส์ไอ้มดแดงของญี่ปุ่นหยั่งกะลอกกันมา ตั้งแต่มีองค์กรร้ายลึกลับใหญ่โต ตามล่าคนคนปกติ จากนั้นพระเอกก็สูญเสียจนได้รับการช่วยเหลือจากองค์ลึกลับนำมาผ่าตัดแปลงร่างให้เหนือมนุษย์กลับไปล้างแค้น ฝ่ายตัวร้ายก็มีเทคโนโลยีจักรกลฝังชิพควบคุมอะไรต่างๆ นาๆ ไว้ในคนฝ่ายตนเองเหมือนกัน ซึ่งการที่ไปเหมือนไอ้มดแดงของญี่ปุ่นนี่ก็ไม่ใช่ความผิดอะไรหรอกครับ เพราะเรื่องแนวนี้มันก็คือต้นแบบ Super Hero ของทางเอเชียดีๆ นี่เอง คนดูพร้อมจะสนุกได้ถ้าเรื่องมันดี สมเหตุผลในแบบโครงเรื่องแนวๆ นี้ แต่เรื่องนี้กลับสอบตก มีความไม่เมคเซนส์แทบทุกจุดตลอดเวลา

รีวิวซีรีส์ Rugal ตำรวจกล คนเหนือมนุษย์ แอ็กชั่นไซไฟสไตล์มนุษย์ดัดแปลงเกาหลี (อัพเดทจบ 16 ตอน) 1
มีความเหมือนไอ้มดแดงหลายอย่างมาก

ความไม่เมคเซนส์ในเรื่องนี้ถ้าสาธยายคงยาวเหยียดแน่ๆ จึงขอยกตัวอย่างพอคร่าวๆ ให้ได้เห็นภาพกันก่อน เริ่มตั้งแต่ พระเอกแหกคุกหลุดจากการคุมตัวได้ง่ายๆ แค่ขอไปห้องน้ำผู้คุมไขกุญแจโซที่คล้องขาไว้ให้เดินไปเข้าห้องน้ำเองหน้าตาเฉย แถมไม่มีแม้แต่การตามไปคุมอะไร จนพระเอกวิ่งหนีไปไกล จู่ๆ ก็ตัดมาให้ผู้คุมนึกได้วิ่งตามหา พร้อมกับ สบถ บัดซบ!  ซึ่งคนดูก็คงคิดเหมือนกันว่าผู้คุมอะไรมันจะโง่ปานนี้

เทคโนโลยีในเรื่องก็มาง่ายๆ คือมีปูไว้ว่าหมอในโรงพยาบาลวิจัยกันมานานหลายเวอร์ชั่น แถมถึงขั้นเทคโนโลยีระดับต่างดาวเลย ดวงตาของพระเอกที่มองเห็นวิเคราะห์ข้อมูลยังไม่เท่าไหร่ แต่อย่างหัวหน้าพระเอกนี่แขนกลพลังช้างสาร แล้วมีเนื้อเทียมหุ้มไว้เหมือนคนเหล็กอีกต่างหาก หรือแม้แต่ความมั่วๆ ของเทคโนโลยีอย่างการถ่ายทอดภาพจากที่ไกลๆ ซึ่งก็ไม่รู้องค์กรพระเอกใช้อะไร มองเห็นเหมือนมีตาทิพย์ไปหมดทุกที่ แถมนึกจะใส่อะไรก็ใส่มางงๆ อย่างโดรนบินไปติดต้นไม้ที่นึง แต่ถ่ายภาพเหตุการณ์ไกลออกไปไม่รู้กี่กิโลได้ คือคนสร้างเรื่องนี้ละทิ้งเหตุผลอะไรไปหมดแล้วจริงๆ ครับ เหมือนจะบอกว่าเรื่องมันโม้แล้ว คนดูจะมาหาเหตุผลประกอบทำไมอีกประมาณนั้น แต่ความสมเหตุผลกับเรื่องโม้แต่งแล้วเป็นยังไงก็ได้มันคนละเรื่องกัน นิยายไซไฟก็โม้กันทุกเรื่อง แต่ทำยังไงให้คนเชื่อด้วยรายละเอียดที่สมเหตุผลต่างหากคือหัวใจของเรื่องแนวไซไฟแบบนี้

อีกอย่างคือเรื่องตั้งใจขายหล่อสวยของทีมพระเอกมาก หลายฉากพยายามให้ดูเท่กันตลอดเวลา เดินมากันเป็นทีมเหมือนไอดอลดาราอะไรแบบนั้น แถมมีตัวละครที่เหมือนเด็กไม่โตในทีมติดเล่นเหมือนไม่จริงจังจนดูไม่เข้ากับโทนเรื่องที่ต้องดาร์คๆ ซีเรียส

รูกัล
ใส่แมสก์กันทั้งเรื่องสงสัยช่วงโควิด 19

ฝั่งพระเอกว่าไม่สมเหตุผลแล้ว แต่อาร์โกสก็ไม่แพ้กัน แม้เรื่องวางไว้ว่าพวกนี้ยังเป็นแค่แบบแก๊งอิทธิพลใหญ่ ไม่ได้มีอะไรล้ำๆ ก็เลยใช้พวกไม้บอสบอลเป็นหลัก มีแค่พวกบอสองค์กรที่มีปืน แถมนึกจะยิงลูกน้องก็ยิง ออกแนวโชว์ออฟเป็นการ์ตูนเท่ๆ ว่ายิงลูกน้องเล่นได้ ตัวบอสใหญ่เปิดมาแต่แรกแบบดูหน้าก็รู้เลยว่า “โง่” แล้วบทก็วางไว้ให้ตัวละครนี้โง่ตามนั้นจริงๆ จังๆ จนดูโอเว่อร์มาก อย่างการที่จู่ๆ ก็โกรธขับรถไล่ตามทีมพระเอกคนเดียวไม่บอกใคร ทิ้งให้ลูกน้องเป็นสิบงง แถมจะตามพระเอกไปไหนก็ยังไม่รู้เลยเหมือนขับรถไปเรื่อยๆ แล้วก็โดนหลอกเข้าแผนง่ายๆ ถึงแม้ว่าเรื่องจะวางไว้ว่าตัวร้ายจริงๆ คืออีกคน แต่มันก็ไม่สมเหตุผลด้วยประการทั้งปวงที่บอสใหญ่คนแรกขององค์กรมีนิสัยหัวร้อนง่าย และความคิดที่เหมือนนักเลงกระจอกข้างถนนแบบนี้

ในขณะที่ปูเรื่องว่าอาร์โกสโหดสัสๆ แต่พอสู้กันจริงๆ เหมือนเตะต่อยกันธรรมดา แถมสตันท์ในเรื่องก็แย่มาก แรกๆ อาจจะดูดี แต่พอเรื่องพยายามโชว์อะไรหลายอย่าง จะมองเห็นเลยว่าไม่ลงทุนสตันท์เล่นจริงๆ จังๆ เลย อย่างฉากแรกๆ ที่พระเอกขี่มอเตอร์ไซด์เอียงสไลด์ปาดขาฝูงตัวร้ายให้ล้ม ก็ยังจะซูมภาพเข้าไปให้เห็นว่าล้อรถไม่ได้โดนขา ตัวประกอบกระโดดข้ามหมด แล้วก็ตัดฉากมาอีกทีทำเป็นล้มร้องโอดโอย ซึ่งมันปลอมมาก ไม่ลงทุนกระทั่งฉากเบสิคง่ายๆ แบบนี้

ความลับในดวงตาจักรกลของพระเอก (มีสปอยล์)

สิ่งที่น่าติดตามในเรื่องจริงๆ คงเป็นความสามารถในดวงตาของพระเอกว่าจะมีอะไรแปลกใหม่แค่ไหน ซึ่งเรื่องก็จะค่อยๆ เผยว่าดวงตาคู่นี้มีฟังก์ชั่นลับอยู่ และยังมีอย่างอื่นซ่อนอยู่อีก เป็น AI. มีความคิดเป็นของตัวเอง พูดคุยโต้ตอบกับพระเอกได้ และดวงตาเข้ายึดครองร่างพระเอกได้กลายเป็นโหมดสังหารโหด ซึ่งเป็นปมที่พึ่งใส่มาในตอน 10 และนอกจากดวงตาแล้ว ตัวร่างกายของพระเอกเองก็มีพัฒนาการเกินกว่ามนุษย์ปกติไปแล้ว โดยไม่ได้เกิดจากการผ่าตัดของรูกัล

Rugal รูกัล ตำรวจกล คนเหนือมนุษย์
Rugal รูกัล ตำรวจกล คนเหนือมนุษย์

เรื่องเป็นแนววางแผนชิงไหวพริบทั้งฝ่ายอาร์โกสกับรูกัล

สำหรับช่วงแรกอาจจะทำให้คิดว่าแนวเรื่องเป็นบู๊แอ็กชั่นตามล่าไล่ฆ่าอาร์โกส แต่พอเรื่องเดินไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าตัวเรื่องจริงๆ เป็นการวางแผนล้างแค้นตอบโต้กันทั้งฝ่ายรูกัลกับอาร์โกส ซึ่งผลัดกันวางแผนดักทางกัน ตัวพระเอกเองได้เจอกับตัวบอสของเรื่องอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แบบจะฆ่ากัน ต่างฝ่ายต่างใช้การวางแผนหลอกล่อให้มาติดกับดัก ซึ่งในเรื่องอธิบายไว้ว่าจะล้มอาร์โกสได้ต้องให้มันต่อสู้ขัดแย้งกันจากภายใน เรื่องจึงเดินไปแบบว่าฝ่ายอาร์โกสมีการแย่งชิงตำแหน่งและหักหลังกันเองอยู่ตลอด จนแทบจะไม่เหลือตัวละครหลักสักเท่าไหร่ และพุ่งเป้าเน้นๆ ไปที่ตัวละครหลักฝ่ายตัวร้ายเพียงแค่ 2 คน รองประธาน Hwang Deuk Goo กับประธานสาว Choi Ye Won ซึ่งต้องบอกว่าพอเรื่องโฟกัสให้แคบแล้วชิงไหวพริบกันระหว่างพระเอกกับสองคนนี้ ทำให้เรื่องดูสนุกมากกว่าที่คิดในตอนแรกมากขึ้น

ตัวเรื่องมีเรื่องความรักใส่มาแพลมๆ

ก็เหมือนเป็นสูตรสำเร็จเกาหลีที่ต้องมีส่วนนี้ผสมรวมอยู่ด้วย แม้ว่าในเรื่องพระเอกจะเปิดมามีครอบครัวมีคนรักที่เสียชีวิตไป แต่ต่อมาตัวเรื่องก็เริ่มปูให้เห็นว่ารุ่นน้องร่วมทีมมีใจให้พระเอกมาตลอด รวมถึงตัวร้ายของเรื่องฝั่งอาร์โกสที่สวยระดับนางเอก ที่ภายหลังกลายมาเป็นเรื่องราวผูกพันมีบทรักใคร่กับพระเอกเช่นกัน

สรุปรีวิว (EP1-16)

แม้เรื่องจะมีจุดด้อยเรื่องไม่สมเหตุผลมากมาย แต่ก็ทำตามสูตรซีรีส์เกาหลี ทีมพระเอกหรือตัวร้ายที่สวยหล่อ ฉากในเรื่องมีความรุนแรงสูง มีความน่าสนใจตามดูว่าพวกอุปกรณ์จักรกลในเรื่องจะมีพลิกแพลงอะไรใหม่ๆ บ้าง ซึ่งถ้าดูแบบไม่คิดเหตผลอะไรเลย มันก็เหมือนซีรีส์ไอ้มดแดงเวอร์ชั่นเก่าๆ หรือหนังทีวียุคก่อนที่ไม่ค่อยตั้งใจทำบทให้สมเหตุผล แต่ดูแล้วก็มีความสนุกอยู่ ถือว่าค่อยๆ ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเรื่องถูกโฟกัสไปที่การวางแผนชิงไหวพริบกันมากกว่าแค่แอ็กชั่นทั่วไป และก็มีจุดพลิกเรื่องราวกลับด้านที่น่าสนใจในช่วงหลังที่ซับซ้อนพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงขนาดเดาไม่ได้

ปล.เรื่องตอนจบกะทิ้งเชื้อไว้ทำต่อเต็มที่ แต่ดูแล้วคงไม่มีครับ

รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ Vs ตำรวจ

Stranger SS2 Netflix รีวิว สเตรนเจอร์ 2 ซีรีส์เกาหลี การกลับมาอีกครั้งของอัยการหน้านิ่งและตำรวจหญิงผู้รักความยุติธรรม ในซีซันนี้เนื้อหาจะเน้นวิพากษ์ปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบยุติธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงศึกชิงอำนาจระหว่างอัยการและตำรวจ กับการตามสืบคดีฆาตกรรมที่ตำรวจต้องสงสัยว่าฆ่ากันเอง

Stranger หรือ Secret Forest เป็นซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวนเรื่องดังที่ได้สองนักแสดงชั้นนำอย่าง โชซึงอู และ แบดูนา มาร่วมแสดง การเล่าเรื่องที่เน้นสะท้อนและเสียดสีสังคมเกาหลี โดยเฉพาะระบบยุติธรรมในวงการอัยการและวงการตำรวจอย่างถึงแก่น ซึ่งไม่เคยมีซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนที่เจาะลึกวงการอัยการได้มากขนาดนี้มาก่อน

Stranger ss2 มีความแตกต่างจากซีซันแรกพอสมควร โดยจุดเริ่มต้นของซีซันนี้จะเปิดฉากที่คดีการเสียชีวิตของวัยรุ่นที่จมน้ำตายสองคน แม้ว่าดูผิวเผินก็ไม่ใช่คดีลึกลับอะไรมาก แต่มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ชักนำให้สองตัวเอกอย่างซีมกและยอจิน ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง แต่การกลับมารอบนี้ทั้งสองคนกลับต้องยืนอยู่คนละฝั่งตามสังกัดของพวกเขาเองคือสำนักอัยการและหน่วยงานสืบสวนกลาง แถมมันยังนำไปสู่คดีที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นการฆาตกรรมของตำรวจกันเอง ที่นำไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่โตกว่านั้น อีกทั้งบริษัทฮันโจกรุ๊ปที่เคยถูกพวกเขาเล่นงานเปิดโปงไปในซีซันแรก ก็ได้กลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้งเมื่อได้ประธานบริษัทคนใหม่ขึ้นมากุมบังเหียนแทนอีกด้วย

ซีรีส์มีทั้งหมด 2 ซีซัน ซีซันแรก 16 ตอน และ ซีซันสอง 16 ตอน (แต่กำลังฉายไป 8 ตอน และจะอัพเดทอาทิตย์ละสองตอนทุกวันเสาร์กับอาทิตย์หลังห้าทุ่มเป็นต้นไป)

Stranger ss2 สเตรนเจอร์ ตัวละคร

ฮวังซีมก

อัยการหนุ่มแห่งสำนักอัยการตะวันออก ในวัยเด็กเขาประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบสมองบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธรุนแรงได้ เขาจึงเข้ารับการผ่าตัดเอากลีบสมองส่วนหนึ่งออกเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ส่งผลทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า

แต่ในทางกลับกัน มันทำให้เขาสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ด้วยตรรกะและความมีเหตุผลในระดับสูงโดยที่ไม่มีอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาแทรกเกินไป เขายังมีความสามารถสูงในการจำลองสถานการณ์ในหัวสมอง เพื่อช่วยในการสืบหาความจริงของคดี ทำให้เขาเดินหน้ารักษาความยุติธรรมและขุดคุ้ยความอื้อฉายในกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้ต่อไปได้

ฮวังซีมกได้ร่วมมือกับฮันยอจินในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมในคดีพัคมูซองโดยบังเอิญ โดยปกติแล้วซีมกเป็นคนทื่อๆที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอัยการคนใดได้ แต่เนื่องจากยอจินเป็นตำรวจหญิงที่มีสติและจิตใจดี ทำให้เธอสามารถเปิดใจซีมกได้ในที่สุด จนความสัมพันธ์ของทั้งสองกลายเป็นคู่หูที่รู้ใจกันและเชื่อใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาซีมกได้รับแต่งตั้งจากอธิบดีอัยการอีชางจุน ให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีพัคมูซอง เขาจึงได้เลือกสมาชิกทีมจากบรรดาอัยการและตำรวจมาร่วมมือกัน

โดยปกติแล้วซีมกไม่ค่อยมีสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมากนัก แต่ลึกๆแล้วเขาก็มีความผูกพันกับรุ่นน้องและรุ่นพี่ของตน เพียงแต่เขาไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าได้

หลังจากคลี่คลายคดีในซีซันแรก ซีมกถูกสั่งย้ายไปสองปี ก่อนที่จะถูกเรียกตัวกลับมาทำงานในสำนักอัยการสูงสุด แล้วต้องมาเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างอัยการและตำรวจในการแย่งสิทธิ์การสืบสวน รวมถึงคดีที่ตำรวจเสียชีวิตแล้วภายหลังเกิดความต้องสงสัยว่าเป็นการฆ่ากันเองของตำรวจ ทำให้การกลับมารอบนี้ เขาต้องมาอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับยอจินที่ทำงานให้ตำรวจ แต่ที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็แอบร่วมมือในการสืบสวนหาความจริงกัน โดยที่คนภายนอกไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคน

ฮันยอจิน

ตำรวจนักสืบหญิง ที่ได้เข้ามาทำคดีฆาตกรรมพัคมูซอง แล้วได้พบกับอัยการฮวังซีมกโดยบังเอิญ ด้วยความสงสัยในพฤติกรรมและการสืบสวนของอีกฝ่าย เธอจึงเริ่มติดตามและร่วมงานกับเขาแบบงงๆ แต่แล้วมันก็กลายเป็นความสัมพันธ์ในแบบที่อีกฝ่ายต่างก็ไว้เนื้อเชื่อใจและพึ่งพากันมากขึ้นเรื่อยๆ

ยอจินยังเป็นจำรวจหญิงที่มีความกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวความอยุติธรรม ชอบช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากแม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นตำรวจหญิงเพียงคนเดียวของสถานีที่เธอประจำอยู่ แต่ความสามารถของเธอก็ไม่เป็นที่สงสัย ภายหลังเธอสงสัยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงโดยเฉพาะผู้กำกับของเธอเองว่ามีความเกี่ยวข้องกับการรับสินบนและคดีอื้อฉาว จึงร่วมมือกับซีมกเพื่อสืบหาความจริง จากนั้นเธอก็เป็นสมาชิกคนแรกที่ได้เข้าร่วมทีมสืบคดีที่ซีมกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม

หลังจากคลี่คลายคดีของพัคมูซองในซีซันแรก ยอจินก็ได้เลื่อนขั้นแล้วได้ย้ายไปทำงานในหน่วยสืบสวนกลาง แล้วได้ร่วมเป็นตัวแทนของฝ่ายตำรวจในการแย่งชิงสิทธิ์การสืบสวนระหว่างตำรวจและอัยการ จึงต้องมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซีมก แต่ที่จริงแล้วทั้งสองกลับร่วมมือกันในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีที่ตำรวจต้องสงสัยว่าฆ่ากันเอง เพราะคดีนี้อาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของหน่วยงาานตำรวจเสียหายแล้วมันอาจส่งผลกระทบต่อการแย่งชิงสิทธิ์การสืบสวนของฝั่งตำรวจด้วย

สถานะของทั้งซีมกและยอจินในซีซันสอง จึงแตกต่างไปจากซีแรก เมื่อพวกเขาจำเป็นต้องทำหน้าที่ตามหน่วยงานต้นสังกัดของตนเอง ซึ่งก็ไม่ได้มีฝ่ายใดถูกหรือผิด เพราะทั้งสองฝั่งก็มีเหตุผลของตัวเองในการแย่งอำนาจกัน พวกเขาจึงต้องทำตามหน้าที่ของตนในการสืบสวนเพื่อประโยชน์ของต้นสังกัด แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็คอยแอบช่วยเหลือกันและกันด้วย

ซอดงแจ

อัยการหนุ่มหล่อ จอมเนี้ยบ รุ่นพี่ของฮวังซีมก เคยเป็นคนสนิทที่ติดตามอีชางจุนนับสิบปี เป็นคนเจ้าเล่ห์ พูดจาดี เจรจาเก่ง พยายามทำทุกอย่างเพื่อไต่เต้าและไม่ค่อยถูกกับฮวังซีมกเท่าไรนัก

ในซีซันสอง ดงแจเป็นคนนำข้อมูลเรื่องราวที่ตำรวจลาดตระเวนอาจจะทำการฆาตกรรมกันเองมาเสนอให้อูแทฮา เพื่อใช้คดีนี้เป็นอาวุธเล่นงานฝ่ายตำรวจ แต่คดีนี้ถูกมองให้ซีมกรับหน้าที่สืบสวนหลัก ด้านดงแจก็ได้เข้ามาร่วมมือกับซีมกด้วย

โดยเนื้อแท้แล้ว ดงแจก็เป็นอัยการที่รักความยุติธรรม แม้ภายนอกเขาจะเป็นคนเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ภายหลังจึงได้ร่วมมือกับซีมกในการสืบหาความจริงของคดี จัดว่าเป็นตัวละครสีเทาๆที่มีสีสันและน่าเอาใจช่วยมากในเรื่อง

อียองแจ

ภรรยาของอีชางจุน ลูกสาวของอียองบุน ประธานของบริษัทฮันโจกรุ๊ป หลังจากเหตุการณ์ตายของอีชางจุนและการเสียอำนาจของอียองบุน เธอก็ได้ขึ้นมารับตำแหน่งประธานบริหารบริษัทแทนพ่อของเธอ และต้องเปิดศึกแย่งชิงอำนาจกับพี่ชายตนเองด้วย

ชเวบิท

หัวหน้าหน่วยสืบสวนกลางของตำรวจ เป็นคนดึงตัวยอจินมาเข้าทีมตัวแทนของตำรวจในการโตแย้งกับอัยการ เบื้องหลังเธอยังเก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้

อูแทฮา

หัวหน้าหน่วยสืบสวนภายในของสำนักอัยการสูงสุด ดึงตัวซีมกมาร่วมทีมในการโต้แย้งสิทธิ์กับตำรวจ แท้จริงเขามีส่วนเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ของ สส. และมีความเกี่ยวพันกับชเวบิทด้วย

Stranger ss2 รีวิว

สำหรับภาพรวมของ สเตรนเจอร์ 2 มีความแตกต่างจากซีซันแรกอยู่บ้าง ในแง่การเดินเรื่องนั้น ในซีซันแรกก็ค่อนข้างจริงจังและเข้มข้นอยู่แล้ว แต่ซีซันสองกลับเพิ่มความจริงจังมากขึ้นอีก แล้วยังมีการขยายสเกลเรื่องราวให้ใหญ่โตขึ้น อีกทั้งคดีฆาตกรรมในซีซันสองก็มุ่งเชื่อมโยงและเจาะเข้ามาถึงปัญหาในระบบราชการของเกาหลีใต้ในระดับโครงสร้างยิ่งกว่าภาคแรก

ซึ่งถ้าย้อนไปซีซันแรก การเดินเรื่องจะคล้ายกับซีรีส์สืบสวนทั่วไปที่เน้นไปที่การสืบสวนหาความจริงในคดีฆาตกรรม แล้วนำไปสู่การขุดคุ้ยที่พบว่า เหยื่อที่ถูกฆาตกรรมมีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์และเรื่องอื้อฉาวของอัยการและนักการเมือง นักธุรกิจระดับสูง การสืบสวนจึงเป็นลักษณะที่มุ่งหาคนร้ายในคดีฆาตกรรมและสาเหตุเบื้องลึกที่เกี่ยวพันกับผู้คนวงในอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในสำนักอัยการ

สำหรับในซีซันสอง เรื่องเปิดขึ้นเมื่อ ฮวังซีมก ได้บังเอิญไปอยู่ในคดีการตายของวัยรุ่นสองคนที่จมน้ำบริเวณชายฝั่งที่จริงๆแล้วเป็นเขตห้ามเข้า ในขณะที่ ฮันยอจิน ซึ่งเวลานั้นรับตำแหน่งอยู่ในหน่วยสืบสวนกลาง ได้บังเอิญพบเบาะแสจากบนโซเชียลมีเดียที่ชี้ว่า การจมน้ำของวัยรุ่นทั้งสองคนอาจจะไม่ใช่อุบัตเหตุ แต่มาจากสาเหตุที่ว่ามีคนไปทำสายกั้นเขตห้ามเข้าขาด โดยคนที่ทำเป็นวัยรุ่นลูกคนรวย ซึ่งพวกเขาก็ใช้เงิน เส้นสาย และถึงขั้นเอาทนายที่เป็นอดีตอัยการมาช่วยจัดการคดีให้

ซึ่งผลกระทบจากคดีนี้ ฮวังซีมกที่เป็นอัยการผู้ส่งเรื่องให้ตรวจสอบไปที่สำนักงานกลาง ก็ได้เกิดความสงสัยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วเขาก็ถูกดังตัวให้มาร่วมทำงานในสำนักอัยการสูงสุด แล้วก็ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างอัยการและตำรวจระดับสูง ที่ต้องการแย่งชิงสิทธิในการมีอำนาจสืบสวน ทั้งฮวังซีมกและฮันยอจิน

รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ vs ตำรวจ 2

ดังนั้นการเล่าเรื่องในซีซันสองจึงมีการเดินเรื่องที่ฉีกออกไปจากซีซันแรกพอสมควร เพราะแม้ว่าเส้นเรื่องหนึ่งก็จะเน้นไปที่การสืบหาความจริงในคดีฆาตกรรม แต่อีกเส้นเรื่องหลักที่สำคัญพอๆ กันคือการที่พระเอกและนางเอกได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งครั้งสำคัญระหว่างอัยการและตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการแย่งสิทธิการสืบสวน ซึ่งเป็นการเจาะไปถึงกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้อย่างถึงแก่น แล้วยังอธิบายให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่ออัยการมีอำนาจมาก (จนอาจจะเกินไป) ในการสั่งสืบสวนคดี และยังมีอำนาจที่จะไม่ฟ้องร้องได้ด้วย

ในภาพรวมของซีซันสองต้องเรียกว่ามีความจริงจังสูงมากในด้านการเล่าเรื่อง เพราะเป็นการสะท้อนปัญหาของวงการอัยการตำรวจของเกาหลีใต้ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมและเป็นข่าวดังในเกาหลีใต้ช่วงหลายปีหลังมานี้ ไม่ว่าจะเป็น

  • การรับเงินสินบนของอัยการ เพื่อทำให้คดีของผู้มีเงินและนักการเมืองไม่ต้องเข้ากระบวนการฟ้องร้อง
  • อดีตอัยการที่มักผันตัวไปเป็นทนายหรือที่ปรึกษาทางกฏหมายให้บริษัทใหญ่ ก็มักใช้ความได้เปรียบต่างๆเพื่อช่วยให้บริษัทใหญ่หรือลูกหลานที่กระทำผิดหลุดจากคดี โดยที่ตำรวจไม่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือกักตัว
  • การมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างข้าราชการกับนักธุรกิจใหญ่และนักการเมือง ที่ต่างฝ่ายก็เอื้อประโยชน์ให้กัน
  • การชิงอำนาจและการเมืองระหว่างตำรวจและอัยการ ที่ต่างก็ต้องการหาโอกาสเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายให้เสียภาพลักษณ์ จะได้นำมาใช้ประโยชน์ และเพิ่มความได้เปรียบให้ฝ่ายตนเองในการมีอำนาจสืบสวน

ทั้งหมดจัดว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีใต้ และก็มีข่าวออกมาตลอด จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมการเปิดฉากของซีรีส์เรื่องนี้ จึงมีการเขียนว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่อง เป็นเรื่องสมมติ ไม่ว่าจะบุคคลจริงและสถานที่นั่นเอง

นอกจากนี้ในซีซันสองยังเจาะลึกเข้าไปที่กระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้มากกว่าเดิมหากเทียบกับซีแรกที่ไม่ได้เจาะลึกขนาดนี้ ซึ่งในจุดนี้ผู้ชมชาวไทยอาจจะงงบ้างในช่วงแรก เนื่องจากสายอำนาจและการบังคับบัญชาในกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีมีความแตกต่างจากของไทยอยู่บ้าง ซึ่งคนไทยทั่วไปก็ไม่ได้เข้าใจของไทยเราเองเท่าไหร่เหมือนกัน หากไม่ได้เป็นคนในสายงานเหล่านี้ หรือศึกษาเรื่องนี้มาก่อน แต่ที่จริงในเรื่องก็พยายามจะให้คนดูเข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว

โดยเฉพาะประเด็นอำนาจของอัยการ ที่เราจะพบว่าเรื่องได้นำเสนอให้เราเห็นว่าอัยการของเกาหลีดูจะเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจมากๆในการฟ้องร้องให้เป็นคดีความ ไปจนถึงมีอำนาจที่จะไม่ฟ้องร้องก็ยังได้ นั่นทำให้บรรดานักธุรกิจ นักการเมือง ต่างก็สร้างความสัมพันธ์กับอัยการ และตัวอัยการเองก็เข้าหานักธุรกิจด้วย ทุกฝ่ายจึงมีผลประโยชน์ต่อกัน ซึ่งในซีรีส์แฉประเด็นเหล่านี้ออกมาอย่างเต็มที่ ไม่มีกั๊ก

แม้ว่าประเด็นของเรื่องจะโคตรหนัก แต่ลำดับการเล่าเรื่องกลับทำได้ดีและน่าสนใจ ที่สำคัญคือ ตัวละครเอกของเรื่องอย่างฮวังซีมก เป็นพระเอกในแบบที่เราไม่ค่อยจะได้พบเห็นในซีรีส์เกาหลีสักเท่าไหร่ คือปกติพระเอกซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวน มักสร้างคาแรคเตอร์อยู่ 2-3 รูปแบบ คือ พระเอกแนวฉลาดเป็นกรด เย็นชา ไม่ก็แนวเลือดร้อน รักความยุติธรรม และอีกแบบคือเป็นแนวจอมวางแผน ทะเยอทะยาน ไต่เต้า เป้นสายเทาไปเลย

รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ vs ตำรวจ 3

สำหรับบทของ ฮวังซีมก พระเอกเรื่องนี้ ที่ได้นักแสดงดังอย่าง โชซึงอู กลับมารับบทอีกครั้ง ก็เป็นคาแรคเตอร์ในแบบพระเอกหน้าตาย ดูเหมือนไร้อารมณ์ แต่ซีรีส์กลับเล่าเรื่องโดยให้เราเห็นพฤติกรรมต่างๆของตัวเอกโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเปิดปากพูดบอกคนดูวาเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเน้นไปที่กิจวัตรประจำวันของเขา ผสมผสานกับการสืบสวนคดี ที่เทคนิกและวิธีการในการสืบของเขาก็ไม่ได้โอเวอร์หรือเข้าใจยากอะไรมากมายนัก ดูแล้วน่าเชื่อถือว่า พระเอกก็ไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดล้ำกว่าคนอื่นเกินไป เพียงแต่ด้วยความที่เขาถูกตัดกลีบสมองบางส่วน มันทำให้เขาสามารถสืบสวนโดยตัดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างออกไป ทำเรื่องต่างๆ ด้วยความใจเย็น มีสติสูงมาก เป็นตัวละครที่ไม่ฟูมฟาย หรือเอาอารมณ์มาร่วมมากนัก แตกต่างจากตัวเอกเกาหลีทั่วไป แต่ขณะเดียวกันบทที่เขาจะแสดงอารมณ์ออกมาก็ทำได้น่าเชื่อถือและดูอัดอั้นแทนตัวเอก ที่เขามีจำกัดในการแสดงอารมณ์ ตรงนี้ต้องยกนิ้วให้นักแสดงเลยว่าทำได้ดีมากในบทแบบนี้ แล้วในซีซันสองก็ยังคงทำได้เสมอต้นเสมอปลายด้วย

รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ vs ตำรวจ 4

ด้านนางเอกอย่าง ฮันยอจิน ก็ได้ แบดูนา นักแสดงหญิงชื่อดังของเกาหลีกลับมารับบทอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้สร้างชื่อเสียงจากการแสดงหนังและซีรีส์ในฮอลลีวูดและมีผลงานที่หลายคนจดจำมากและดูได้ใน Netflix เช่น Sense8 และ Kingdom ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แสดงได้ดีมากในบทของตำรวจหญิงผู้รักความยุติธรรม จัดว่าเป็นการเลือกนักแสดงที่ดีเยี่ยมมาก เพราะแม้ว่าแบดูนาจะไม่ใช่นักแสดงหญิงที่สวยอะไรนักตามมาตรฐานดาราหญิงของเกาหลี หรือแม้แต่ในสายตาคนไทยเอง แต่เธอมีออร่าของนักแสดงที่ชวนให้ดึงดูด น่าติดตาม เอาใจช่วย ซึ่งในซีซันสองเราจะพบว่าด้วยการเมคอัพให้เธอผมยาวขึ้นก็ยิ่งช่วยเพิ่มออร่าของเธอให้ยิ่งเด่น สะดุดตาขึ้นมาอีก อีกทั้งเคมีในการแสดงเข้าคู่กับพระเอกในเรื่องนี้ก็เข้าขากันสุดๆ มาตั้งแต่ซีซันแรก ทำให้ดูแล้วน่าเชื่อถือว่า นี่คือตำรวจและอัยการที่แม้ว่าภายนอกจะอยู่คนละฝ่าย แต่พอถึงเวลาต่างฝ่ายก็พร้อมร่วมมือกันสืบหาความจริงของคดีได้

รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ vs ตำรวจ 5
รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ vs ตำรวจ 6

คดีในซีซันสอง พอจะแบ่งพาร์ทหลักในการเล่าเรื่องราวและปมต่างๆในเรื่องออกมาเป็นช่วงๆ ได้แก่

ตอน 1-2 การกลับมาพบกันของซีมกและยอจิน กับการสืบหาคดีเด็กวัยรุ่นจมน้ำ

เนื้อหาสองตอนแรกมีลักษณะเหมือนซีรีส์สืบสวนของเกาหลีทั่วไป คือไปเจอคดีฆาตกรรมแล้วก็ตามสืบสวนหาความจริงของคดี ที่ดูผิวเผินเหมือนเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่ที่จริงมันเริ่มมาจากคู่รักคนรวยไปเผาเส้นกั้นเขตห้ามเข้า ทำให้วัยรุ่นที่ไม่เห็นเส้นกั้นลงไปว่ายน้ำจนเสียชีวิต

จุดน่าสนใจคือ คดีในตอนแรกสุดของซีซันนี้ ดูผิวเผินเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักเลย เพราะเรื่องราวในคดีจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้เสียหายเลือกจะไม่ฟ้องร้อง ซึ่งก็มาจากการวิ่งเต้นของทนายฝ่ายผู้มีอำนาจที่เป็นอดีตอัยการ คดีในตอนนี้จึงเหมือนเป็นการให้คนดูเห็นภาพว่า อัยการในเกาหลีใต้หรือผู้มีเส้นสายในวงการกฏหมาย มีอำนาจมากขนาดไหนในการไม่ทำให้เกิดเป็นคดีฟ้องร้องตั้งแต่แรก

แล้วตอนนี้ยังเปิดสองตัวละครใหม่ที่สำคัญคือ ชเวบิท และ อูแทฮา ซึ่งกลายมาเป็นเจ้านายของทั้งยอจินและซีมก

ตอน 3-4 ศึกอัยการ vs ตำรวจ วิพากษ์ปัญหาเชิงลึกของกระบวนการยุติธรรมเกาหลีใต้

ผลจากคดีฆาตกรรมในสองตอนแรก ทำให้ซีมกและยอจินได้กลับมาร่วมงานกันชั่วคราว แต่หลังจากนั้นพวกเขาต้องมายืนอยู่กันคนละฝั่ง เพราะต้องกลายเป็นตัวแทนร่วมประชุมระหว่างอัยการและตำรวจในการโต้แย้งสิทธิ์อำนาจการสืบสวน ซึ่งเป็นปัญหาระดับโครงสร้างและกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้

สองตอนนี้จัดว่าเป็นคีย์หลักของทั้งซีซันเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นศึกสำคัญที่ชวนให้คนดูได้ครุ่นคิดถึงปัญหาระบบยุติธรรม ซึ่งพาร์ทนี้คนไทยอาจจะไม่อินเท่าไหร่ เพราะมันคือการวิพากษ์เชิงลึกของโครงสร้างและกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้ ที่ขุดเอาประวัติศาสตร์ของเกาหลีขึ้นมาบอกเล่าเป็นฉากๆด้วย แถมยังกล้าเล่นถึงระดับรัฐธรรมนูญเกาหลีด้วย ถือว่าเป็นสองตอนสำคัญที่แม้ว่าจะไม่มีฉากแอ็กชั่น ตัวละครมานั่งประชุมกัน แต่กลับทำได้ดุเดือดมาก รวมถึงการหักเหลี่ยมเฉือนคมของหน่วยงานทั้งสองฝั่งที่ทำให้สองตัวเอกจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ของตนเองตามที่พวกเขาสังกัดอยู่

สำหรับคนที่ดูซีซันแรกมา ดูถึงซีซันนี้อาจจะรู้สึกว่าน่าเบื่อหรือเดินเรื่องอืด แต่ถ้าตั้งใจดูให้ดี นี่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้ที่ไปไกลมากกว่าแค่แนวสืบสวนเลยครับ

ตอน 5-6 การ Bully และฆาตกรรมกันเองของตำรวจ

เป็นเนื้อหาช่วงที่ซีมกและยอจิน เริ่มกลับมาร่วมมือกันอย่างลับๆในการสืบคดีตำรวจฆ่ากันเอง และยังเป็นการร่วมมือกันแบบจับพลัดจับผลูระหว่างอดีตสองอัยการคู่ปรับ ที่ไม่ได้ลงรอยกันนักตั้งแต่ซีแรกอย่างซีมกและดอแจ  เป็นตอนที่ค่อนข้างผ่อนคลายและชวนให้แอบขำ จากความสัมพันธ์ของทั้งสองด้วย

แต่ปมเนื้อหาที่น่าสนใจมากก็คือการเผยให้เห็นถึงความรุนแรงในวงการตำรวจระดับล่างของเกาหลี การ Bully ที่ผู้บังคับบัญชามีต่อเจ้าหน้าที่ในทีม ที่หนักเข้าถึงการฆาตกรรม

ตอน 7-8 ซีมกและยอจินร่วมมือสืบหาดงแจ

เป็นเนื้อหาช่วงที่ซอดงแจหายตัวไป ระหว่างการไปสืบหาคดีตำรวจฆ่ากัน ทำให้ซีมกและยอจินต้องออกตามหา แล้วเนื้อหาช่วงนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นว่า อัยการและตำรวจระดับสูงอย่าง อูแทฮาและชเวบิท ที่ก่อนหน้านี้ตีกันแทบตายเรื่องแย่งสิทธิ์อำนาจ กลับมีความเกี่ยวพันเชิงผลประโยชน์ซ่อนไว้ ซึ่งเรื่องยังไม่เฉลยว่ามันคืออะไร

ตอน 9-10 ขุดคุ้ยการสืบสวนของดงแจ

ยังคงเป็นการร่วมมือกันระหว่างซีมกและทีมตำรวจของยอจิน เพื่อสืบสวนการหายตัวไปของอัยการดงแจ แล้วยังเป็นการขยายสเกลการสืบสวนไปยังคดีย่อยเพิ่มเติมอีก คือคดีการเสียชีวิตบนรถยนต์ของอัยการรุ่นพี่ดงแจ ซึ่งเป็นคดีที่เขากำลังขุดคุ้ยอยู่ก่อนที่จะหายตัวไป ทำให้ซีมกสงสัย และมีการเปิดเผยว่า อูแทฮาและชเวบิท ปกปิดบางอย่างไว้

ตอน 11-14 ตามหาซอดงแจและย้อนกลับสู่คดีเด็กจมน้ำ

เป็นการตามหาคนที่ทำร้ายซอดงแจ ซึ่งหลังจากสืบสวนกันแบบอ้อมไปมาในคดีที่ดูแล้วไม่น่าเกี่ยวข้องกันเลย ปรากฏว่าทุกอย่างกลับย้อนไปยัง “คดีเด็กวัยรุ่นจมน้ำ” ในตอนแรกสุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหายไปของดงแจอย่างคาดไม่ถึง

โดยในซีซันสอง ล่าสุด Netflix เพิ่งอัพเดทถึงตอนที่ 14 ซึ่งจะได้อัพเดทรีวิวต่อไปครับ

รีวิว Stranger SS2 Netflix ซีรีส์เกาหลี สืบสวนคดี+ศึกชิงอำนาจอัยการ Vs ตำรวจ

รีวิวซีรีย์เกาหลี

รีวิว The School Nurse Files Netflix ครูพยาบาลปราบปีศาจ แฟนตาซีหลุดโลด

The School Nurse Files ครูพยาบาลแปลก ปีศาจป่วน Netflix รีวิว ซีรีส์เกาหลีที่สร้างจากนิยายของ ซอนเซรัง เป็นผลงาน Orginal Netflix ซึ่งดูแล้วได้อารมณ์คล้ายกับการ์ตูนในตำนานอย่าง นูเบ มืออสูรล่าปีศาจ + Ghost Buster

ซีรีส์มีทั้งหมด 6 ตอน นำแสดงโดย จองยูมิ และ นัมจูฮยอก เป็นอีกหนึ่งผลงานแนวแฟนตาซีดราม่าที่มีรสชาติการนำเสนอทั้งแนวทางการเล่าเรื่อง นักแสดง และบรรยากาศที่ค่อนข้างแตกต่างจากซีรีส์เกาหลีทั่วไปอย่างมาก แล้วยังแอบสะท้อนปัญหาในโรงเรียนเกาหลีไว้ด้วย ตัวเรื่องค่อนข้างเบาสมอง มีความเพี้ยนหลุดโลก คนชอบแนวแฟนตาซีในรั้วโรงเรียนน่าจะชอบได้ไม่ยาก ดูได้เพลินๆ

The School Nurse Files เรื่องย่อ

ครูพยาบาลแปลก ปีศาจป่วน เรื่องย่อ ตัวเรื่องราวจะบอกเล่าเกี่ยวกับความวุ่นวายสุดพิศวงชนิดเกินคาดเดาของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง โดยมีนางเอกของเรื่องคือ อันอึนยอง ครูประจำห้องพยาบาลสาว ที่เกิดมาพร้อมพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ นั่นคือการสามารถมองเห็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในโลกอีกมิติได้ โดยสิ่งที่เธอมองเห็นนั้นมีลักษณะเป็นเมือกประหลาด หรือก็คือรูปแบบหนึ่งของปีศาจและสิ่งเหนือธรรมชาตินั่นเอง

อันอึนยอง ได้เข้าร่วมกับนิกายของผู้ที่มีพลังมองเห็นสิ่งลี้ลับนี้ได้เช่นกัน แล้วด้วยการแนะนำของรุ่นพี่ที่เคารพ เธอจึงได้เข้ามาทำงานในโรงเรียนแห่งนี้ แต่มันกลายเป็นว่า ที่โรงเรียนนี้ซุกซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน ฮงอินพโย ครูสอนภาษาจีนประจำโรงเรียน ที่มีศักดิ์เป็นหลานชายของปู่ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษบางอย่างที่คอยปกคลุมตัวเขาไว้ แล้วทั้งสองยังได้ค้นพบว่าที่ห้องใต้ดินของโรงเรียนมีอะไรบางอย่างปิดผนึกไว้ด้วย ซึ่งนี่ก็คือจุดเริ่มของเรื่องราวสุดวายป่วงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ แล้วทั้งสองก็ต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางปกป้องเหล่านักเรียนของพวกเขาเอาไว้จากสิ่งเหนือธรรมชาติที่นับวันก็ยิ่งประทุขึ้นมาให้ได้

The School Nurse Files ครูพยาบาลแปลก ปีศาจป่วน รีวิว

ใครเปิดดูเรื่องนี้ตอนแรก แล้วอาจจะมีความรู้สึกว่า WTF!!! เพราะถ้าเป็นคนที่ดูซีรีส์เกาหลีมาเยอะๆ จะรู้สึกได้ทันทีตั้งแต่ตอนแรกเลยว่า นี่มันแตกต่างอย่างสุดขั้วกับซีรีส์เกาหลีตามปกติ

แม้ว่าเรื่องแนวแฟนตาซีสู้กับปีศาจ มันจะมีความบ้าๆบอๆกึ่งอารมณ์การ์ตูนอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้นำเสนอและบอกเล่าได้สุดเพี้ยนยิ่งกว่านั้น คือเรียกว่าองค์ประกอบของความเป็นการ์ตูนมีสูงเอามากๆ ทั้งการเล่นใหญ่ชนิดจงใจของเหล่านักแสดง ฉากแอ็กชั่นเพี้ยนๆ องค์ประกอบของเรื่องราวที่โยนเอาความหลุดโลกต่างๆเข้ามา ตลกหน้าตายของตัวละคร ไอเดียเรื่องปีศาจที่ออกแนวเพี้ยนๆ เรียกว่าตัวเรื่องช่างให้รสชาติราวกับกำลังดูซีรีส์ญี่ปุ่นแบบ Live-Action ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนก็ไม่ผิดนัก

โดยปกติแล้ว ซีรีส์แนวแฟนตาซีมักจะใช้เวลาในช่วง 1-3 ตอนแรกเพื่ออธิบายและปูพื้นให้คนดูเข้าใจเซตติ้งของโลกหรือความเป็นแฟนตาซีของมัน แต่สำหรับเรื่องนี้ ใช้เวลาอธิบายอะไรเล็กน้อยในช่วงต้นเรื่องสั้นๆไม่ถึง 5 นาที จากนั้นก็พาเราเข้าไปลุยกับความโหดมันฮาของเรื่องแบบที่ไม่อธิบายอะไรเพิ่มมากนัก

รีวิว The School Nurse Files Netflix ครูพยาบาลปราบปีศาจ แฟนตาซีหลุดโลด 2

ด้วยความที่ตัวเรื่องไปเร็วพอสมควร คนดูอาจจะรู้สึกงงว่า “อะไรของมัน” ในหลายฉาก แถมการอธิบายปริศนาต่างๆก็ไม่ได้ละเอียดมากนัก แค่พอให้รู้ว่ามันคืออะไร เกิดขึ้นได้เพราะอะไร จากนั้นตัวเรื่องก็พาเราเข้าสู่ปริศนาต่อๆไปทันที

ข้อดีมากของการเดินเรื่องแบบนี้คือ มันไม่มาเสียเวลาดราม่า ฟูมฟาย อะไรนักหนา แม้ตัวเรื่องจะมีประเด็นดราม่าแฝงไว้ในหลายฉาก โดยเฉพาะการจิกกัดปัญหาหลายอย่างภายในโรงเรียนของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น การกลั่นแกล้ง แบ่งชนชั้น การแข่งขันสอบทำคะแนน สอบเข้า แต่เรื่องก็ไม่เสียเวลาไปกับดราม่าอะไรนักเลย

อย่างไรก็ตาม ตรงนี้อาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะมันทำให้คนดูหลายคนอาจจะเกิดอาการ “ตามไม่ทัน” ไปจนถึงไม่อินกับเหล่าตัวละครรองๆในเรื่อง ที่ก็มีโดดเด่น น่าสนใจอยู่หลายคน แต่เพราะจำนวนตอนที่จำกัด ทำให้เรื่องไม่สามารถโฟกัสหรือขยายเรื่องให้ตัวละครรองเหล่านั้นได้มากนัก เรื่องจึงไปเน้นที่การร่วมมือแท็กทีมจับคู่ของสองพระเอกนางเอกของเรื่องเป็นหลัก

รีวิว The School Nurse Files Netflix ครูพยาบาลปราบปีศาจ แฟนตาซีหลุดโลด 3
กลุ่มนักแสดงรองในเรื่อง ที่หน้าตาในภาพดูดีกว่าในเรื่องที่ใช้หน้าสดกัน

มีอีกจุดที่คอซีรีส์เกาหลีหลายคนอาจจะรู้สึกแปลกๆ ก็คือการเมคอัพให้กับตัวละคร เรื่องนี้จัดเต็มในแง่ความสมจริงมาก ปกติแล้วซีรีส์เกาหลีจะต้องมีตัวละครหล่อสวย หน้าตาทำศัลยกรรมกันมา แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ เพราะนอกจากพระเอกนางเอก และตัวรองอีกแค่ 2-3 คน นอกนั้นเล่นเรื่องนี้กันแบบหน้าสดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะพวกนักเรียนในเรื่องที่หน้าตาก็คือวัยรุ่นธรรมดาที่หน้าตายังไม่ได้ผ่านการทำศัลยกรรมกันมาเลย เรียกว่าเรื่องนี้เราจะได้เห็นหน้าตาสไตล์เกาหลีแบบออริจินอลกันอิ่มเลย

ด้านการแสดง เป็นจุดที่ต้องชม นักแสดงหลักและรองทำได้ดีมาก แม้จะดูเล่นใหญ่ไปบ้าง แต่ก็เป็นการเล่นใหญ่ได้ดี ดูโรคจิต ชนิดที่ชวนให้คิดว่านักแสดงคงอยากเลนอะไรสะใจๆแบบนี้แล้ว ซึ่งสไตล์นี้ก็ทำให้นึกถึงพวกซีรีส์ญี่ปุ่น ที่นักแสดงชอบเล่นใหญ่ ในขณะที่ CG กราฟฟิก อยู่ในระดับกลางๆ แต่การออกแบบพวกปีศาจตัวเล็กๆก็ทำได้น่ารักดีหลายตัว เพลงประกอบก็มีลักษณะเฉพาะตัวสูงเอามากๆ

รีวิว The School Nurse Files Netflix ครูพยาบาลปราบปีศาจ แฟนตาซีหลุดโลด 4

นอกจากนี้ยังมีจุดน่าสนใจตรงที่ องค์ประกอบภาคบังคับในซีรีส์เกาหลีแทบทุกเรื่องที่จะต้องมีนั้น เรื่องนี้มีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นบทโรมานซ์ของพระนาง การยัดความเป็นชาตินิยมเกาหลีเข้ามาในซีรีส์ เช่น อาหารบ้าง นักกีฬาบ้าง เรื่องนี้แทบจะไม่แบบนั้นเลย ถือว่าแปลกตาพอสมควร ที่สำคัญคือ พระเอกของเรื่องยังเป็นครูสอนภาษาจีนที่มีปัญหาเรื่องขาเสียอีกด้วย ซึ่งนับว่าไม่ค่อยมีเรื่องไหนทำแนวนี้ เพราะปกติแล้ว พระเอกรี่เกาหลี มักต้องมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ สมเป็นชายชาตรี หรือไม่งั้นก็ต้องเป็นแนวฉลาดอัจฉริยะ ไม่ก็เป็นแนวใจดีอบอุ่นไปเลย ซึ่งเรื่องนี้ทำมาสวนทางเอามากๆ

รีวิว The School Nurse Files Netflix ครูพยาบาลปราบปีศาจ แฟนตาซีหลุดโลด 5

สำหรับข้อด้อยของเรื่อง ที่เห็นชัดเจนคือ ความที่เรื่องมีจำนวนตอนจำกัดเกินไป ในขณะที่พลอตและเซตติ้งต่างๆในเรื่องมันมีศักยภาพที่จะเล่าอะไรได้มากกว่านั้น จึงทำให้การเล่าเรื่องดูไปเร็วจนแปลกๆไปบ้าง การคลี่คลายปริศนาในเรื่อง โดยเฉพาะช่วงท้ายก็ทำออกมาดูตลกๆไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่า อาจเพราะเนื้อหาอ้างอิงมาจากนิยายที่น่าจะทำมาในอารมณ์แฟนตาซีหลุดโลก แบบที่ตัวซีรีส์จงใจนำเสนอออกมาก็เป็นได้

อีกจุดที่น่าเสียดายคือ ฉากแอ็กชั่นที่ทำออกมาได้ธรรมดากว่าที่คิด ทั้งที่ตอน 1-2 เปิดเรื่องมาอย่างอลังการ แต่หลังจากนั้นบทแอ็กชั่นก็แผ่วลงเรื่อยๆจนถึงตอนจบ น่าเสียดายของที่ปูมาแต่แรก โดยเฉพาะพวกอุปกรณ์ต่างๆของนางเอก

ส่วนตอนจบของเรื่อง ก็ปูทางให้ “สามารถทำภาคต่อได้ ถ้าอยากจะทำ” ซึ่งพูดตามตรงว่า ก็น่าจะทำอยู่เหมือนกัน เพราะยังมีอะไรให้เล่นอีกเยอะ แถมคาแรคเตอร์ตัวละครหลักก็น่าสนใจ น่าติดตามเอาใจช่วยอยู่แล้วด้วย

ภาพรวมแล้ว ใครกำลังมองหาซีรีส์แฟนตาซี ดูเพลินๆ ไม่ยาวมาก แล้วอยากได้รสชาติเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น ควรต้องดูเรื่องนี้เลย